Dark Tower: จินตนาการ บรรเจิดของเด็กช่างฝัน

 ได้มีโอกาสดู dark tower ซึ่งก็หลังจากลาโรงไปเร็ว1สัปดาห์ หลังจากได้ชมภาพยนตร์ตัวอย่างของโรงภาพยนตร์มาแล้ว ทำให้อยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้มากโข สรุปคือ โรงภาพยนตร์มันกั๊กครับ เรียกว่าพูดไม่หมดถึงจะถูก ไม่ใช่วีรบุรุษสู้กับอธรรม แต่เป็นเด็กสู้กับเหล่าอธรรม ( เพราะผู้แต่งนวนิยายมีความหลังเกี่ยวกับตัวเด็กๆ) เป็นตัวเอกในนิยายดราม่าขายดี แล้วใช้ดารานำ ตัวบิ๊กบิ๊กของฮอลลีวู้ด มาเป็นตัวประกอบนั่นเอง



ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีของ สตีเฟน คิง และได้ Nikolaj Arcel  จาก Truth About Men (2010) มากำกับ ซึ่งสำหรับการลำดับภาพแล้ว Nikolaj  อย่างย่อเรื่องจากนวนิยายขนาดยาวออกมาได้ดี อย่างรัดกุม


เรื่องของเรื่องก็คือ บทหนังเต็มเปี่ยมด้วยความวิจิตรพิสดาร ให้เด็ก นามว่า Jake ซึ่งนำแสดงโดย Tom Taylorได้เป็นผู้สร้างอภินิหารอย่างเต็มขั้น แต่ที่ชวนหงุดหงิดคืองี่เง่าในทุกสถานการณ์จวนตัว เด็กยืนอึ้งแดกให้ผู้ร้ายตามฆ่า และมีตัวประกอบช่วยและบาดเจ็บอยู่ร่ำไป ช่วยไปช่วยมาอย่างนี้ ไม่ต่ำกว่า5ครั้ง (ไม่เชื่อก็ลองไปซื้อ DVD มานับดูว่าผมพูดจริง) แม้ว่าเด็กจะผ่านการช่วยเหลือมาแล้วแต่สุดท้ายเด็กก็ยังทำตัวงี่เง่าอยู่ดี เป็นอะไรที่หงุดหงิดจนน่ารำคาญ อีกอย่าง ผู้กำกับคนนี้เน้นเรื่องความเจ้าน้ำตาของตัวเอก แถมเน้นย้ำอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นแม่ของเด็กหรือแม้แต่ตัวเด็กเองต่างก็นิยมทำน้ำตาคลอเบ้า จนน่าสมเพช จนอดสงสัยว่าฝรั่ง เค้าทำน้ำตาคลอเบ้าอย่างนี้ให้คนอื่นเห็นอยู่ร่ำไปจริงๆหรือครับ?!?


หนังมีฉากใหญ่ๆอยู่ฉากเดียวก่อนจบประมาณ 10 นาที (จากทุนสร้าง60 ล้านดอลล่าร์ เยอะนะ   ถ้าเทียบกับ The mummy ซึ่งมีทุนสร้าง 130 ดอลลาร์ หรือเป็น2 เท่าของ dark tower ยังมีฉาก Action มากกว่า3-4เท่าตัว)เหมือนผู้กำกับหนังทุ่มทุนไปแล้วกับค่าตัวของ Matthew McConaugheyบางส่วนจ่ายให้ Idris Elba ที่แสดงเป็นวีรบุรุษ เหลือเล็กน้อยเป็นซีจีที่งั้นๆแหละ และ 10 นาทีสุดท้ายก็แสนงงมาก ที่เด็กพยายามสร้างแรงบันดาลใจให้กับวีรบุรุษ ให้ฮึดสู้แบบไม่มีอีโหน่อีเหน่ ชนะแบบงงๆ แฮปปี้เอนดิ้งได้ในที่สุด

ดู แบบให้คิดมาก 2ดาวครึ่งครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

neon เล่มเก่า ที่เรามีอยู่

บานาบัส มังกูนิโอ (บัส) แพ็ตทริค มังกูนิโอ (ทริค)

วสันต์ กันทะอู